การใช้คำบุพบท (Preposition)
ที่มา : https://www.google.co.th/search?q=s+es&espv=2&biw=1536&bih=749&site=webhp&tbm=isch&source=lnms&sa=X&ved=0ahUKEwiN9v-C-KXJAhWnnqYKHQs4BlAQ_AUIBygC#tbm=isch&q=preposition&imgrc=j4pRxi1IDgL8BM%3A
Preposition (บุพบท) คือคำที่ใช้เชื่อม หรือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำต่อคำ เช่น นามต่อ นาม, กริยากับ นาม, กริยากับสรรพนาม สรรพนามกับนาม, หรือนามกับสรรพนาม
Preposition ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
1. Preposition คำเดียว Single Preposition
2. Preposition วลี Preposition Phrase
2. Preposition วลี Preposition Phrase
Preposition คำเดียวที่พบเห็นบ่อยๆและนิยมใช้กันมากมีอยู่ 44 คำคือ in, on, at, under, to, from, of, off, since, for, near, around, inside, outside, beneath, towards, into, till, until, from…to, with, without, by, up, down, after, before, beside, besides, against, through, across, along, above, over, behind, below, underneath, during, between, among, from…until, within, forward
Preposition คำเดียว
การใช้ in, at, on บุพบทที่ใช้กับเวลามีหลักดังนี้
in : ใช้บอกเวลาที่เป็นชื่อเดือน, ปี, ฤดูกาล, และส่วนของวัน เช่น
I like to swim in the morning. ผมชอบว่ายน้ำในเวลาเช้า.
at : ใช้เพื่อบอกเวลาเกี่ยวกับชั่วโมง noon, night, midnight, midday, Christmas, Easter เพื่อบอกเวลาเฉพาะเจาะจงเช่น
They want home at three o’clock. พวกเขากลับบ้านเวลา15.00 น
on : ใช้เพื่อบอกเวลาที่เป็นวันของสัปดาห์ และวันที่ วันสำคัญทางราชการ และวันสำคัญทางศาสนา เช่น
on Sunday, on New Year’s Day, on King’s Birthday etc.
on time แปลว่า ตรงเวลาพอดี (ตรงพอดี)เช่น He comes on time. เขามาตรงเวลาพอดี
in time แปลว่าทันเวลา (ก่อนเวลา,ก่อนกำหนด) เช่น The train arrived at the station in time. รถไฟมาถึงสถานีทันเวลา(มาถึงก่อนเวลา)
I like to swim in the morning. ผมชอบว่ายน้ำในเวลาเช้า.
at : ใช้เพื่อบอกเวลาเกี่ยวกับชั่วโมง noon, night, midnight, midday, Christmas, Easter เพื่อบอกเวลาเฉพาะเจาะจงเช่น
They want home at three o’clock. พวกเขากลับบ้านเวลา15.00 น
on : ใช้เพื่อบอกเวลาที่เป็นวันของสัปดาห์ และวันที่ วันสำคัญทางราชการ และวันสำคัญทางศาสนา เช่น
on Sunday, on New Year’s Day, on King’s Birthday etc.
on time แปลว่า ตรงเวลาพอดี (ตรงพอดี)เช่น He comes on time. เขามาตรงเวลาพอดี
in time แปลว่าทันเวลา (ก่อนเวลา,ก่อนกำหนด) เช่น The train arrived at the station in time. รถไฟมาถึงสถานีทันเวลา(มาถึงก่อนเวลา)
การใช้ at, in บุพบทที่ใช้เกี่ยวกับสถานที่มีหลักดังนี้
at : ใช้บอกสถานที่ที่ไม่ใหญ่โตนัก ที่จำกัด แน่นอน เช่น at school, at the hotel….
in : ใช้บอกสถานที่ที่ใหญ่โตก็ได้เช่น in Thailand หรือใช้บอกสถานที่ที่เจาะจงภายในแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ว่าใหญ่หรือโตก็ได้ เช่น in the house, in a country เป็นต้น
การใช้ during, between, among มีหลักเกณฑ์ดังนี้
คำทั้ง 3 แปลว่า “ระหว่าง” แต่ใช้ต่างกันดังนี้
during: ใช้สำหรับบอกระยะเวลาการกระทำช่วงใดช่วงหนึ่งตามที่ระบุไว้ในประโยค เช่น
During visiting Thailand, I had seen the Emerald Buddha Temple.
ระหว่างการมาเที่ยวประเทศไทย ฉันได้ไปชมวัดพระแก้ว เป็นต้น
between: ใช้สำหรับคั่นระหว่างของสองอย่างหรือคนสองคน เช่น
She’s standing between you and me.
หล่อนยืนอยู่ระหว่างคุณและผม (เมื่อใช้ between ต้องมี and ตามเสมอ)
among : ใช้สำหรับคั่นหรือเชื่อมนาม ที่มีจำนวนตั้งแต่ 3 ขึ้นไป เช่น The teacher’s standing among us.
การใช้ in, on, by กับยานพาหนะ
in :ใช้กับยานพาหนะที่มีสภาพปิด กำบัง เช่น in the bus, in the plane…
on :ใช้กับยานพาหนะที่มีสภาพเปิดโล่งแจ้ง ไม่ปกปิดกำบัง เช่น on a horse, on a motorcycle..
by :ใช้ได้ทั้งปิดและเปิด แต่ต้องไม่มี article นำหน้า เช่น by bus, by train …
การใช้ on, over, above มีหลักดังนี้
on :ใช้บอกว่าของที่อยู่บนที่ติดอยู่กับอันล่าง
over :ใช้บอกว่าของอยู่เหนือหัวพอดี
above :ใช้บอกว่าของนั้นอยู่ด้านบน(กว้างๆ)
Preposition วลี
คือ บุพบทตั้งแต่ 2ตัวขึ้นไปรวมอยู่ด้วยกัน และมีความหมายเสมือนเป็นบุพบทคำเดียว แบ่งเป็น 2ชนิด คือ
1.บุพบทวลีชนิด 2 ตัว two words preposition
2.บุพบทวลีชนิด 3 ตัว three words preposition
บุพบทชนิด 2 ตัว ได้แก่บุพบทต่อไปนี้
according to (ตาม), instead of (แทน, แทนที่), because of (เพราะว่า), owing to (เนื่องจาก)
บุพบทชนิด 3 ตัวได้แก่บุพบท ต่อไปนี้
in order to เพื่อที่จะ,by means of (โดยอาศัย),on account of (เนื่องจาก), in spite of (ถึงแม้ว่า), in front of (ข้างหน้า), in back of ( ข้างหลัง), for the sake of (เพื่อเห็นแก่), of the point of (เกือบจะ), on the point of (เกือบจะ), in consequence of (เนื่องจากว่า)
* หมายเหตุ การใช้บุพบทนี้ยังมีกริยาบางตัวที่มีข้อบังคับว่าต้องใช้บุพบทตัวใดตามหลังอีกด้วย เช่น belong to (เป็นของ), arrive at (มาถึงสถานที่เล็กๆ), ask….for (ขอ), agree with (เห็นด้วยตกลงด้วย), consist of (ประกอบด้วย), protect from (ป้องกันจาก), believe in (เชื่อ,มีศรัทธา), live on (กินเป็นอาหาร), make of (ทำด้วย), be afraid of (กลัว,เกรงกลัว)
การใช้คำบุพบทที่ใช้อยู่เป็นประจำในสำนวนอื่น ๆ เช่น
in all directions (ในทุกทิศทุกทาง) , in search of (ค้าหาเพื่อ), in reply to (ในการตอบ),in the end (ในท้ายที่สุด), in the open-air (ในกลางแจ้ง), in a hurry (ในขณะรีบ), in politics (ในทางการเมือง), in my opinion (ในความคิดเห็นของข้าพเจ้า), in fact (โดยแท้จริงแล้ว), in truth (โดยความจริงแล้ว), in good condition(อยู่ในสภาพดี), in good health (มีสุขภาพดี), in poor health(มีสุขภาพไม่ดี), in row(อยู่ในแถว), in the book (ในหนังสือ), in despair (ด้วยความผิดหวัง), in tears (ด้วยน้ำตา), in ruin (ในสภาพหักพัง), in debt (เป็นหนี้), in luxury (อย่างหรูหรา), in poverty (ในสภาพยากจน) etc
4. การใช้ by (โดย)
คำบุพบท by นี้มีวิธีการใช้ในหลาย ๆ ความหมาย ดังนี้
4.1 ใช้ by กับกริยาที่เรียกหากรรม (Transitive Verb) ในประโยคกรรมวาจก (Passive Voice) เพื่อแสดงให้รู้ว่าใครหรืออะไรเป็นผู้กระทำกริยาอาการนั้น ๆ เช่น
He was attacked by a dog. (เขาถูกสุนัขโจมตี (ไล่กัด))
ในที่นี้จะเห็นว่าผู้ที่กระทำกริยาอาการคือการโจมตีนั้น คือสุนัข (a dog) ส่วนเขา (He) นั้นเป็นผู้ถูกกระทำ
4.2 ใช้ by เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ทำหรือ ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง เช่น
You can travel by car/bus/train/boat/plane.(คุณสามารถเดินทางโดยรถยนต์/รถโดยสาร/รถไฟ/เรือ/เครื่องบิน)
You can book the tickets by phone. (คุณสามารถจองตั๋วทางโทรศัพท์)
4.3 ใช้ by เพื่อแสดงให้ทราบถึงหนทางที่ผ่านไป เช่น
He came in by the back door.(เขาเข้ามาทางประตูหลังบ้าน)
4.4 ใช้ by ในความหมายว่า อยู่ใกล้ ๆ หรือข้าง ๆ เช่น
He is standing by the window. (เขากำลังยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง)
4.5 ใช้ by ในความหมายว่า ผ่านไป เช่น
She passed by me without noticing me. (เธอเดินผ่านผมไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย)
4.6 ใช้ by เพื่อแสดงถึงชื่อผู้ที่เขียนหนังสือ กำกับภาพยนตร์ หรือทำงานทางด้านศิลปะอื่น ๆ เช่น
This English Grammar Book is written by Dr.Thanapol.
(หนังสือไวยากรณ์อังกฤษเล่มนี้ เขียนโดยดร.ธนพล)
4.7 ใช้ by เกี่ยวกับเวลาในความหมายว่าใกล้ ๆ เวลานั้นหรือก่อนเวลานั้น เช่น
Try to be there by two o’clock. (พยายามไปให้ถึงที่นั่นประมาณบ่าย 2 โมง)
Please finish it by tomorrow. (โปรดทำให้เสร็จก่อนถึงพรุ่งนี้)
4.8 ใช้ by ในความหมายว่า ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองทั้งหมด เช่น
I did it all by myself. (ผมทำมันทั้งหมดด้วยตัวของผมเองทั้งนั้น)
4.9 ใช้ by นำหน้ากลุ่มคำดังต่อไปนี้คือ
by my watch (ตามนาฬิกาของผม) , by the dozen (เป็นโหล (ขาย)), by land (โดยทางบก) etc...
5. การใช้ before (ก่อน)
ถ้านำ beforeมาใช้กับเวลา จะหมายถึงเวลาใดก็ได้ ไม่ได้กำหนดแน่ชัดลงไปแต่ต้องเกิดขึ้นก่อนถึงเวลาที่พูดถึง เช่น
He will be back before ten. (เขาจะกลับเข้ามาก่อนเวลา 10 นาฬิกา)
คำว่า “before” นี้เป็นการกำหนดคร่าวๆ คือจะมาเวลาไหนก็ได้แต่ต้องเป็นก่อน10 นาฬิกาก็เป็นอันว่าใช้ได้
before นี้โดยปกติแล้วจะใช้เกี่ยวกับเวลา แต่ก็นำไปใช้เกี่ยวกับสถานที่ได้เช่นเมื่อเอ่ยถึงลำดับที่ในรายชื่อหรือการเรียงแถว
เช่น Your name comes before mine in the list. (ชื่อของคุณมาก่อนชื่อของผมในรายชื่อ)
6. การใช้ after (หลังจาก)
คำว่า “after” เมื่อนำมาใช้เกี่ยวกับเวลาก็หมายถึงเวลาใดก็ได้ แต่ต้องเป็นหลังจากเวลาที่พูดถึง เช่น
We will leave after lunch. (พวกเราจะออกเดินทางหลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว)
7. การใช้ till (until) (จนกระทั่ง)
คำว่า till และ until มีความหมายเหมือนกันและใช้แทนกันได้ และที่สำคัญคือทั้ง 2 คำนี้ เป็นได้ทั้งคำบุพบท (Preposition) และเป็นคำเชื่อม (Conjunction) ที่จะกล่าวถึงต่อไปจากนี้ด้วย ในที่นี้เป็นคำบุพบทแปลว่า “จนถึง/จนกระทั่ง” เช่น
We will keep it for you till (until) Monday. (พวกเราจะเก็บมันไว้ให้คุณจนถึงวันจันทร์)
ข้อสังเกต ข้างหลัง till (until) นั้นเป็นคำนามคำเดียว คือ Monday ไม่ได้ตามด้วยประโยคจึงเป็นคำบุพบท
8. การใช้ from…..to (จาก.....ถึง)
คำบุพบท from ….to ใช้ได้ทั้งกับเวลาและเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
ใช้กับเวลา : I usually work from nine to five.
(โดยปกติผมจะทำงานจาก 9 นาฬิกาถึง 5 นาฬิกา)
ใช้กับสถานที่ : It is about 150 kilometres from Bangkok to Suphanburi Province.
(ประมาณ 150 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯถึงจังหวัดสุพรรณบุรี)
9. การใช้ during (ระหว่าง)
คำบุพบท during จะใช้กับระยะเวลาที่ต่อเนื่องกันและที่สำคัญคือหลัง during ต้องเป็นคำนาม (Noun) หรือวลี (Phrase) เท่านั้น เช่น
The sun gives us light during the day. (ดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างแกเราระหว่างเวลากลางวัน)
on :ใช้บอกว่าของที่อยู่บนที่ติดอยู่กับอันล่าง
over :ใช้บอกว่าของอยู่เหนือหัวพอดี
above :ใช้บอกว่าของนั้นอยู่ด้านบน(กว้างๆ)
Preposition วลี
คือ บุพบทตั้งแต่ 2ตัวขึ้นไปรวมอยู่ด้วยกัน และมีความหมายเสมือนเป็นบุพบทคำเดียว แบ่งเป็น 2ชนิด คือ
1.บุพบทวลีชนิด 2 ตัว two words preposition
2.บุพบทวลีชนิด 3 ตัว three words preposition
บุพบทชนิด 2 ตัว ได้แก่บุพบทต่อไปนี้
according to (ตาม), instead of (แทน, แทนที่), because of (เพราะว่า), owing to (เนื่องจาก)
บุพบทชนิด 3 ตัวได้แก่บุพบท ต่อไปนี้
in order to เพื่อที่จะ,by means of (โดยอาศัย),on account of (เนื่องจาก), in spite of (ถึงแม้ว่า), in front of (ข้างหน้า), in back of ( ข้างหลัง), for the sake of (เพื่อเห็นแก่), of the point of (เกือบจะ), on the point of (เกือบจะ), in consequence of (เนื่องจากว่า)
* หมายเหตุ การใช้บุพบทนี้ยังมีกริยาบางตัวที่มีข้อบังคับว่าต้องใช้บุพบทตัวใดตามหลังอีกด้วย เช่น belong to (เป็นของ), arrive at (มาถึงสถานที่เล็กๆ), ask….for (ขอ), agree with (เห็นด้วยตกลงด้วย), consist of (ประกอบด้วย), protect from (ป้องกันจาก), believe in (เชื่อ,มีศรัทธา), live on (กินเป็นอาหาร), make of (ทำด้วย), be afraid of (กลัว,เกรงกลัว)
การใช้คำบุพบทที่ใช้อยู่เป็นประจำในสำนวนอื่น ๆ เช่น
in all directions (ในทุกทิศทุกทาง) , in search of (ค้าหาเพื่อ), in reply to (ในการตอบ),in the end (ในท้ายที่สุด), in the open-air (ในกลางแจ้ง), in a hurry (ในขณะรีบ), in politics (ในทางการเมือง), in my opinion (ในความคิดเห็นของข้าพเจ้า), in fact (โดยแท้จริงแล้ว), in truth (โดยความจริงแล้ว), in good condition(อยู่ในสภาพดี), in good health (มีสุขภาพดี), in poor health(มีสุขภาพไม่ดี), in row(อยู่ในแถว), in the book (ในหนังสือ), in despair (ด้วยความผิดหวัง), in tears (ด้วยน้ำตา), in ruin (ในสภาพหักพัง), in debt (เป็นหนี้), in luxury (อย่างหรูหรา), in poverty (ในสภาพยากจน) etc
4. การใช้ by (โดย)
คำบุพบท by นี้มีวิธีการใช้ในหลาย ๆ ความหมาย ดังนี้
4.1 ใช้ by กับกริยาที่เรียกหากรรม (Transitive Verb) ในประโยคกรรมวาจก (Passive Voice) เพื่อแสดงให้รู้ว่าใครหรืออะไรเป็นผู้กระทำกริยาอาการนั้น ๆ เช่น
He was attacked by a dog. (เขาถูกสุนัขโจมตี (ไล่กัด))
ในที่นี้จะเห็นว่าผู้ที่กระทำกริยาอาการคือการโจมตีนั้น คือสุนัข (a dog) ส่วนเขา (He) นั้นเป็นผู้ถูกกระทำ
4.2 ใช้ by เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ทำหรือ ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง เช่น
You can travel by car/bus/train/boat/plane.(คุณสามารถเดินทางโดยรถยนต์/รถโดยสาร/รถไฟ/เรือ/เครื่องบิน)
You can book the tickets by phone. (คุณสามารถจองตั๋วทางโทรศัพท์)
4.3 ใช้ by เพื่อแสดงให้ทราบถึงหนทางที่ผ่านไป เช่น
He came in by the back door.(เขาเข้ามาทางประตูหลังบ้าน)
4.4 ใช้ by ในความหมายว่า อยู่ใกล้ ๆ หรือข้าง ๆ เช่น
He is standing by the window. (เขากำลังยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง)
4.5 ใช้ by ในความหมายว่า ผ่านไป เช่น
She passed by me without noticing me. (เธอเดินผ่านผมไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย)
4.6 ใช้ by เพื่อแสดงถึงชื่อผู้ที่เขียนหนังสือ กำกับภาพยนตร์ หรือทำงานทางด้านศิลปะอื่น ๆ เช่น
This English Grammar Book is written by Dr.Thanapol.
(หนังสือไวยากรณ์อังกฤษเล่มนี้ เขียนโดยดร.ธนพล)
4.7 ใช้ by เกี่ยวกับเวลาในความหมายว่าใกล้ ๆ เวลานั้นหรือก่อนเวลานั้น เช่น
Try to be there by two o’clock. (พยายามไปให้ถึงที่นั่นประมาณบ่าย 2 โมง)
Please finish it by tomorrow. (โปรดทำให้เสร็จก่อนถึงพรุ่งนี้)
4.8 ใช้ by ในความหมายว่า ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองทั้งหมด เช่น
I did it all by myself. (ผมทำมันทั้งหมดด้วยตัวของผมเองทั้งนั้น)
4.9 ใช้ by นำหน้ากลุ่มคำดังต่อไปนี้คือ
by my watch (ตามนาฬิกาของผม) , by the dozen (เป็นโหล (ขาย)), by land (โดยทางบก) etc...
5. การใช้ before (ก่อน)
ถ้านำ beforeมาใช้กับเวลา จะหมายถึงเวลาใดก็ได้ ไม่ได้กำหนดแน่ชัดลงไปแต่ต้องเกิดขึ้นก่อนถึงเวลาที่พูดถึง เช่น
He will be back before ten. (เขาจะกลับเข้ามาก่อนเวลา 10 นาฬิกา)
คำว่า “before” นี้เป็นการกำหนดคร่าวๆ คือจะมาเวลาไหนก็ได้แต่ต้องเป็นก่อน10 นาฬิกาก็เป็นอันว่าใช้ได้
before นี้โดยปกติแล้วจะใช้เกี่ยวกับเวลา แต่ก็นำไปใช้เกี่ยวกับสถานที่ได้เช่นเมื่อเอ่ยถึงลำดับที่ในรายชื่อหรือการเรียงแถว
เช่น Your name comes before mine in the list. (ชื่อของคุณมาก่อนชื่อของผมในรายชื่อ)
6. การใช้ after (หลังจาก)
คำว่า “after” เมื่อนำมาใช้เกี่ยวกับเวลาก็หมายถึงเวลาใดก็ได้ แต่ต้องเป็นหลังจากเวลาที่พูดถึง เช่น
We will leave after lunch. (พวกเราจะออกเดินทางหลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว)
7. การใช้ till (until) (จนกระทั่ง)
คำว่า till และ until มีความหมายเหมือนกันและใช้แทนกันได้ และที่สำคัญคือทั้ง 2 คำนี้ เป็นได้ทั้งคำบุพบท (Preposition) และเป็นคำเชื่อม (Conjunction) ที่จะกล่าวถึงต่อไปจากนี้ด้วย ในที่นี้เป็นคำบุพบทแปลว่า “จนถึง/จนกระทั่ง” เช่น
We will keep it for you till (until) Monday. (พวกเราจะเก็บมันไว้ให้คุณจนถึงวันจันทร์)
ข้อสังเกต ข้างหลัง till (until) นั้นเป็นคำนามคำเดียว คือ Monday ไม่ได้ตามด้วยประโยคจึงเป็นคำบุพบท
8. การใช้ from…..to (จาก.....ถึง)
คำบุพบท from ….to ใช้ได้ทั้งกับเวลาและเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
ใช้กับเวลา : I usually work from nine to five.
(โดยปกติผมจะทำงานจาก 9 นาฬิกาถึง 5 นาฬิกา)
ใช้กับสถานที่ : It is about 150 kilometres from Bangkok to Suphanburi Province.
(ประมาณ 150 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯถึงจังหวัดสุพรรณบุรี)
9. การใช้ during (ระหว่าง)
คำบุพบท during จะใช้กับระยะเวลาที่ต่อเนื่องกันและที่สำคัญคือหลัง during ต้องเป็นคำนาม (Noun) หรือวลี (Phrase) เท่านั้น เช่น
The sun gives us light during the day. (ดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างแกเราระหว่างเวลากลางวัน)
ข้อสังเกต
บางครั้งอาจใช้ duringและ inแทนกันได้ เมื่อต้องการพูดว่าบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ เช่นWe will be on holiday during (in) April. (พวกเราจะอยู่ในช่วงวันหยุดระหว่าง (ใน) เดือนเมษายน)
นิยมใช้ during เมื่อต้องการเน้นถึงช่วงตลอดระยะเวลานั้น เช่น
The company was closed during the whole of April. (บริษัททำการปิดในช่วงตลอดเดือนเมษายน)
เรานิยมใช้ during เมื่อต้องการบอกว่าบางสิ่งได้เกิดขึ้นในเวลาหนึ่งและมีการจบลงในเวลาหนึ่งแต่ไม่ใช่ช่วงระยะเวลา เช่น
I phoned him during the meeting. (ผมโทรถึงเขาในระหว่างการประชุม)
I met him during his stay in Bangkok. (ผมได้พบเขาในช่วงที่เขาพักอยู่ในกรุงเทพฯ)
สำนวนเกี่ยวกับ duringที่ใช้บ่อย เช่น duringmyabsence (ในระหว่างที่ผมไม่อยู่), duringthe concert (ระหว่างมีการแสดงดนตรี), during the war (ระหว่างสงคราม), during the night (ระหว่างเวลากลางคืน), during breakfast (ระหว่างเวลาอาหารเช้า)
คำบุพบทและคำอื่น ๆ ที่นิยมใช้คู่กัน
คำคุณศัพท์ (Adjective) ที่ใช้คู่กับคำบุพบทที่พบบ่อย
absent from (ไม่มา)
adequate for (เพียงพอสำหรับ)
afraid of (กลัว)
aware of (ระวัง)
appropriate for (เหมาะสำหรับ)
capable of (สามารถในการ)
familiar with (คุ้นเคยกับ)
fond of (ชอบ)
friendly with (เป็นมิตรกับ)
free from (เป็นอิสระจาก)
satisfied with (พอใจกับ)
pleased with (พอใจกับ)
ที่มา : http://englishforyoupage.blogspot.com/2012/05/preposition.html
สามารถนำไปใช้ในการแต่งประโยคได้ดีเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ตอบลบเข้าใจหลักการใช้ขึ้นเยอะเลยค่ะ :D
ตอบลบ